ลงทุนหุ้นให้ปลอดภัย เคล็ดลับไม่ติดดอย

ลงทุนหุ้นให้ปลอดภัย เคล็ดลับไม่ติดดอย

ปัจจุบันผู้คนนิยมเล่นหุ้นเป็นจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะมีนักลงทุนหน้าใหม่ ไฟแรง อายุไม่มาก เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น แต่คนจำนวนไม่น้อยกว่า 90% ต้องกลับบ้านมือเปล่า ขาดทุนชนิดที่ว่าเข็ดตลาดหุ้นไปอีกนาน และส่วนใหญ่ที่พลาดขาดทุนคือ อยู่ในอาการติดดอย จะขายก็ไม่ได้ ไม่ขาดทุนก็จม ดังนั้นหากอยากประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น ควรต้องศึกษาให้ดี รู้จังหวะการซื้อขาย

ติดดอยเกิดจากอะไร

ติดดอยคือภาวะที่นักลงทุน ซื้อหุ้นในราคาสูงกว่าราคาปัจจุบัน เปรียบเสมือนการซื้อในราคาที่สูงมาก จนเหมือนอยู่บนยอดภูเขา (ดอย) หากนักลงทุนเลือกที่จะขาย ต้องเจอกับการขาดทุนหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนใหญ่ติดดอยจะใช้เมื่อขาดทุนในระดับ – 30% ของต้นทุน หรือ หนึ่ง Ceiling และสาเหตุที่เป็นแบบนี้คือ นักลงทุนไม่ได้ศึกษาระดับราคาที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้น ๆ ไล่ซื้อทุกระดับราคา เมื่อราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นมาก จนมีการปรับตัวลง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องขายตัดขาดทุน (Cut loss) หรือนักลงทุนบางคน ยอมรอให้ราคาหุ้นกลับมาอยู่ในระดับราคาที่เคยซื้อ ทำให้ทุนจมอยู่กับหุ้น ได้เพียงแค่เงินปันผล

ไม่อยากติดดอย ศึกษางบการเงินก่อนอันดับแรก

ก่อนที่จะเริ่มต้นซื้อหุ้น สิ่งแรกที่นักลงทุนควรต้องทำคือ รู้จักพื้นฐานของบริษัท ด้วยการดูงบการเงิน บางครั้งหุ้นบางตัวราคาอยู่ในระดับที่สูงผิดปกติ นักลงทุนที่ไม่ได้ทำการบ้าน ก็จะรีบซื้อ โดยหวังผลตอบแทนเพียงฉาบฉวย ซึ่งผิดหลักการในการลงทุน ที่ต้องลงทุนเพื่อชีวิตในระยะยาว ผลที่เกิดขึ้นจากการรีบซื้อนี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่รอดที่ต้องติดดอย เพราะหุ้นลักษณะนี้คือหุ้นปั่น มักมีเจ้ามืออยู่เบื้องหลังในการสร้างราคาขึ้นมา ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงในหุ้นประเภทนี้ อย่างน้อยควรดูว่าบริษัทมีกำไร รายรับรายจ่ายเท่าไหร่ แล้วนำมาประเมินมูลค่าหุ้นว่าระดับราคาที่เหมาะสมคือกี่บาท

ศึกษากราฟ

งบการเงินคือพื้นฐานของบริษัทในระยะยาว เราไม่มีทางรู้ได้ว่าจะซื้อ ณ จุดไหนดี โดยการซื้อหน้างานจริง ควรเรียนรู้เรื่องกราฟไว้บ้าง เพื่อรองรับความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น หากรีบซื้อทันทีโดยไม่ได้ดูกราฟก่อน อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะราคาหุ้นอาจไหลลงไม่หมด หรือไม่จบรอบของการขาย การดูกราฟจะช่วยเราในเบื้องต้นได้ว่า ราคาในระยะสั้นคือกี่บาท และมีแนวโน้มที่ราคาหุ้นจะกลับตัวหรือไม่ โดยหุ้น IPO เป็นปัญหาสำคัญ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ราคา IPO และต้องการจะซื้อหุ้นภายหลัง ราคานับจากวันแรก IPO จะมีการไหลลงเป็นเรื่องปกติ บางครั้งกินเวลา 6 เดือน กราฟจะช่วยบอกในเบื้องต้นได้ว่าราคาที่จะมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นคือเมื่อไหร่

ในการลงทุนจริงเราไม่อาจหวังพึ่งพาเพียงแต่การศึกษางบการเงิน หรือดูกราฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ควรพิจารณาทั้งสองด้านควบคู่กันไป เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ต้องติดดอยแบบที่ผ่านมา