เมื่อทำงานจากที่บ้านแล้วมีปัญหา ควรแก้ไขอย่างไร

เมื่อทำงานจากที่บ้านแล้วมีปัญหา ควรแก้ไขอย่างไร
เมื่อทำงานจากที่บ้านแล้วมีปัญหา ควรแก้ไขอย่างไร

ทุกวันนี้การทำงานจากที่บ้านให้ความสะดวกหลายอย่าง ทั้งประหยัดเวลา ประหยัดค่าเดินทาง แต่หลายคนไม่มีทางเลือกเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยุติในเร็ววัน แม้ว่าความสะดวกสบายในบ้านมีข้อดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปสรรคก็มีเหมือนกัน บางคนเสพติดการทำงานและใช้เวลานั่งโต๊ะนานเกินไป ทำงานไม่หยุดแม้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงมีปัญหาสุขภาพ ปวดคอ ปวดหลัง สุดท้ายทุกข์ทนจากความเครียดและสุขภาพย่ำแย่เรื้อรัง

1.สายตาอ่อนล้า ปวดคอหรือปวดหลัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการนั่งติดโต๊ะทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ส่งผลเสียต่อสุขภาพทำให้สายตาอ่อนล้า ปวดคอหรือปวดหลัง สิ่งที่ควรทำคือสวมแว่นตาชนิดเลนส์บลูบล็อกเลนส์หรือใช้หน้าจอชนิดป้องกันรังสีเพื่อช่วยปกป้องดวงตาไม่ให้ตาแห้ง หยุดพักชั่วโมงละ 2-3 ครั้ง พักสายตาด้วยการหลับตาอย่างน้อย 10 นาทีเป็นระยะ ๆ หากยังรู้สึกว่าตาแดงตาแห้งอยู่อีกควรปรึกษาขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา นอกจากนั้นควรเลือกเก้าอี้ที่รองรับสรีระเป็นอย่างดี ขยับเปลี่ยนท่านั่งไม่อยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง หากยังมีอาการปวดคอหรือปวดหลังมากควรปรึกษาแพทย์

2.โรคชามือ
โรคชามือเกิดจากการพิมพ์คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมงไม่หยุดหย่อน ขยับมือและข้อมือซ้ำ ๆ ตำแหน่งเดิมเป็นเวลานานทำให้เกิดภาวะกดทับเส้นประสาทเป็นสาเหตุของอาการชานิ้วมือและฝ่ามือ ต้องผ่าตัดถึงจะหายดี ระหว่างทำงานควรหยุดพักเป็นระยะ และประคบเย็นเพื่อให้อาการดีขึ้น

3.ความเครียด
ปัญหาของคนทำงานจากที่บ้านคือทำงานไม่รู้จักเวลา ขาดการวางแผน จึงใช้ชั่วโมงนานเกินไปเกิดส่งผลเสียต่อสุขภาพและเกิดความเครียดสะสม นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ หากนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลา 12-14 ชั่วโมงเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะโรคหัวใจ และปัญหาอื่น ๆ สิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนสิ่งแรกคือพยายามบริหารเวลาทำงาน กำหนดชั่วโมงให้เหมือนเวลาทำการปกติ วางแผนล่วงหน้าและทำงานให้เสร็จตามตารางเวลา นอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง และมีอิสระที่จะใช้เวลากับครอบครัว รวมถึงกิจกรรมส่วนตัวอื่น ๆ และทำกิจกรรมคลายเครียด

4.มีสมาธิกับงาน
แม้ว่าคุณจะกำหนดตารางเวลาทำงานแล้ว แต่ยากที่จะโฟกัสกับงานเพราะมีสภาพแวดล้อมที่รบกวน เช่น โทรทัศน์ เพื่อน สัตว์เลี้ยง ล้วนเป็นสิ่งรบกวนการทำงาน ควรแยกตัวเองมีออฟฟิศส่วนตัวเป็นมุมเล็ก ๆ ในบ้านหรือมีห้องเล็ก ๆ ได้ยิ่งดี สวมหูฟังตัดเสียงรบกวนและตั้งกฎไม่ให้ใครรบกวนระหว่างทำงาน

5.การประชุมทางวิดีโอ
การติดต่อสื่อสารยังคงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจการค้า หากจำเป็นควรสนทนาทางวิดีโอ แต่ถ้าเป็นการพูดคุยกับญาติและเพื่อนฝูงควรทำนอกเวลางาน ช่วยให้รู้สึกว่าโดดเดี่ยวน้อยลงและเป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

การเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันจากทำงานออฟฟิศมาเป็นโฮมออฟฟิศอย่างกะทันหันย่อมไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับในหลายสาขาอาชีพ ควรวางแผนคิดหน้าคิดหลังอย่างดีก่อน และปรับเวลาทำงานให้เหมาะสม เพื่อป้องกันโรคภัยคุกคามที่จะทำให้เสียสุขภาพในอนาคต