เช็กสัญญาณโรคกลัวการทำงาน คุณเข้าข่ายหรือไม่

เช็กสัญญาณโรคกลัวการทำงาน คุณเข้าข่ายหรือไม่

เพราะแต่ละวันมนุษย์ออฟฟิศต่างต้องใช้เวลาทำงานมากถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่างานได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราไปเสียแล้ว แม้คนจำนวนไม่น้อยจะรู้สึกมีความสุขกับการทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนจำนวนมากที่ยังตามหางานที่ใช่และลงตัวไม่ได้เสียที อีกทั้งบางคนมีอาการวิตกกังวลเรื่องงานมากเป็นพิเศษจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต และสำหรับใครที่มีอาการวิตกกังวลนาน ๆ จนเสียสุขภาพจิต ลองมาเช็กกันว่าคุณเข้าข่ายเป็นโรคกลัวการทำงานหรือไม่จะได้รับมืออย่างถูกต้อง

โรคกลัวการทำงาน คืออะไร ?

โรคกลัวการทำงานหรือชื่อภาษาอังกฤษ Ergophobia คือ ภาวะกังวลและภาวะความกลัวเรื่องงาน จนอาจทำให้ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีสาเหตุอยู่หลายประการ เช่น เคยถูกไล่ออกจากที่ทำงาน เคยถูกเพื่อนร่วมงานแกล้ง เคยถูกเจ้านายต่อว่าอย่างหนัก รวมถึงเผชิญงานหนักจนเกิดเป็นความเครียด หากอาการไม่รุนแรงหรือจัดการตัวเองได้คงไม่ใช่เรื่องน่าห่วง แต่บางคนมีอาการหนักจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าอาจส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต

เช็กอาการ คุณเข้าข่ายเป็นโรคกลัวงานหรือไม่

สำหรับใครที่สงสัยว่าตัวเองเป็นโรคนี้อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ลองเช็กอาการก่อนว่าคุณเข้าข่ายหรือไม่ โดยอาการของโรคกลัวงาน คือ รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิกับการทำงาน วิตกกังวลเสมอ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เมื่ออยู่ในที่ทำงานจะรู้สึกทรมาน ไม่อยากเข้าทำงาน และต้องการออกจากที่ทำงานทุกครั้งที่มีโอกาส บางรายกังวลจนถึงขั้นทานอาหารไม่ได้ นอนหลับไม่สนิท และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน

ใครมีอาการเหล่านี้และพิจารณาแล้วว่าในอนาคตอาการไม่ดีขึ้นแน่นอน เบื้องต้นแนะนำให้เยียวยาจิตใจตัวเองโดยยังไม่ต้องพบจิตแพทย์ อาจหาโอกาสลางานสัก 3-4 วัน เพื่อพักผ่อนอย่างจริงจัง เพื่อทบทวนข้อดี ข้อด้อย ตามหาเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงกลัวการทำงาน แต่หากไม่สะดวกควรหากิจกรรมคลายเครียดอื่น ๆ และพยายามหาเหตุผลว่าตนเองกังวลเรื่องใด เช่น มนุษย์ออฟฟิศบางคนไม่ถนัดภาษาอังกฤษก็ควรเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หรือบางคนกลัวการนำเสนองานก็ควรฝึกพูดมากขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจ แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นและส่งผลต่อการดำเนินชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อเข้ารับการบำบัดและรักษาอย่างถูกต้อง

แม้งานจะสำคัญต่อชีวิตคนเรามากเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นอย่าลืมแบ่งเวลาให้ชีวิตมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการมีความสุขกับตัวเอง มีความสุขกับเพื่อน หรือมีความสุขกับครอบครัว นอกจากนี้ แนะนำให้พยายามลดความกังวลเรื่องงาน หรือหากขาดความมั่นใจเรื่องใด ควรหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความวิตกกังวล เพียงเท่านี้เชื่อว่าอาการโรคกลัวการทำงานจะค่อย ๆ หายไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น